วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หาเงินออนไลน์ ทำได้จริงหรือ?

Make Money Online
หาเงินออนไลน์ ทำได้จริงหรือ? ที่นี่มีคำตอบ
คำตอบคือ ทำได้นะ แต่ไม่ง่ายเลย อาจมีหลายวิธี แต่ผู้เขียนขอนำเสนอ 1 วิธี ที่ผู้เขียนได้ทดลองทำมาแล้วเป็นเวลา เกือบ 3 ปีมานี้ นั่นคือการเทรด ค่าเงิน ทองคำ น้ำมัน หรือหุ้น

ฮ่าๆๆ ดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับชาวบ้านธรรมดาอย่างเราซะจริง(หลายคนแอบคิด) เพราะผู้เขียนก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะไอ้ความรู้ในการเทรดมันพอหาอ่าน หาวิธีศึกษา กันได้ แต่ไอ้เงินลงทุนนี่สิ จะหาจากไหน ความจริงคือมันไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลยแม้แต่บาทเดียว

วิธีการคือ
สมัครเปิดบัญชีเทรดตามโบรกเกอร์ต่างๆ ที่มีการจัดการแข่งขันซึ่งสมัครแข่งฟรี ถ้าหากฟลุ๊คได้เงินรางวัลจากการแข่งเทรด เราจะนำเงินรางวัลนี้มาเป็นทุนในการเทรดเพื่อทำกำไรสร้างรายได้ให้กับเรา แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อการแข่งขันที่มีเงินรางวัลสูงๆ มีคนสมัครแข่งเทรดทั่วโลกราวๆ 3,000 คนแต่มันเป็นไปแล้ว เพราะแฟนเราเคยสมัครแข่งแบบนี้ แล้วได้เงินรางวัลมา(ฟลุ๊ค!!!มาก) ผู้เขียนก็ได้สมัครแข่งเทรดตามทัวร์นาเม้นท์เล็กๆ ได้เงินมาบ้างหลักสิบดอลล่า หลักร้อยดอลล่า แต่มันก็ไม่พอรวยหรอกนะ คิดแค่ว่าดีกว่าหายใจทิ้งไปวันๆ ไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาเลย แฟนเราเคยแข่งเมื่อ June 2011 ของ FXCM ได้ที่ 2 ล่าสุดมีคนไทยแข่งได้ที่ 2 เมื่อ September 1012 ของ I am FX
http://www.myfxbook.com/contests
ผู้เขียนเคยแข่งทัวร์นาเม้นท์เล็กๆ ได้ที่ 4 อิอิ
https://www.exness.com/intl/th/contests/15
สำหรับคนที่สนใจอยากสมัคร แต่ไม่เก่งภาษาอังกฤษต้องทำใจหน่อยนะเพราะโบรกเกอร์มีแต่ต่างประเทศ เวลากรอกข้อมูลในหน้าสมัครต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่เราเชื่อว่าสำหรับคนที่มุ่งมั่นตั้งใจแล้ว เรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรคหรอก เพราะแฟนเราก็ไม่เอาไหนเรื่องภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่อาศัยคัดลอกข้อความไปแปะที่ Google แปลภาษาเอา

1. คลิ๊กสมัครที่นี่
2. คลิ๊กที่บัญชีการซื้อขาย
3. คลิ๊กที่เปิดบัญชี Mini
4. กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ
4.1 ชื่อ
4.2 นามสกุล
4.3 E-mail
4.4 เบอร์มือถือ ตัวอย่าง 0811234567 กรอกเป็น +66811234567
4.5 เมือง ใส่ชื่อจังหวัดตามบัตรประชาชน เช่น Chiangmai
4.6 ที่อยู่ ตัวอย่าง Address no. 99, Village no. 9, RimPing Sub District, MaeRim District, Chiangmai Province
***ไม่ควรเขียนทับศัพท์ คำว่า หมู่ ตำบล อำเภอ เพราะฝรั่งเค้าไม่รู้จัก(หุหุ)
4.7 รหัสไปรษณีย์
4.8 กรอกข้อความตามรูปภาพแล้วกด ถัดไป
***กรณีอ่านข้อความในรูปไม่ชัด ให้กดรับรูปภาพใหม่ กดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอรูปที่ชัดพออ่านออก
4.9 ป้อนรหัสการเรียกใช้ที่ส่งมาที่อีเมลล์
4.10 ป้อนรหัส SMS ที่ส่งเข้ามือถือ
***กรณีไม่มี SMS ส่งมา ให้กดรับข้อความใหม่จนกว่าจะได้รับ SMS เข้ามือถือ
4.11 เลือกความปลอดภัยระดับกลาง โดยการถอนเงินทุกครั้งจะต้องกรอก SMS ที่ส่งเข้ามือถือเท่านั้น
4.12 กดสร้างรหัสผ่าน กดถัดไป
4.13 กดเลือกโบนัส หรือเลือกภายหลัง
4.14 ดาวน์โหลด Meta Trader 4
4.15 ติดตั้ง Meta Trader 4 ที่เครื่องคอมพ์ ของเรา

เป็นอันเสร็จสิ้นการสมัคร นี่แค่สมัครยังยากเย็นขนาดนี้ หวังว่าคงไม่ท้อกันนะ เป็นการทดสอบความมุ่งมั่นของเรา อิอิ

ยังไม่จบแค่นี้ ต้องส่งเอกสารยืนยันตัวตนด้วยเน้อ เพื่อจะได้ถอนเงินได้ ถ้ามีเงินให้ถอน เอกสารที่ต้องเตรียม
1. บัตรประชาชน หรือใบขับขี่
2. บิลค่าน้ำค่าไฟ หรือ บิลค่าสาธารณูปโภคต่างๆ หรือ Bank Statement หรือ ใบกำกับภาษีเต็มรูปจากร้านค้าต่างๆ
แนะนำให้ใช้ร้าน 7-11 โดยซื้อของอะไรก็ได้แล้วบอกพนักงานว่าขอใบกำกับภาษีเต็มรูป
***เอกสารต้องมีชื่อที่อยู่ตรงตามบัตรประชาชน

ไปสแกนเป็นไฟล์รูปภาพใส่ Flash Drive ไว้ จากนั้น Login เข้าบ้ญชีเทรดที่หน้าเว็ป แล้วไปยังหน้าหลักของบัญชีเรา ในส่วนการตรวจยืนยันข้อมูลลูกค้า คลิ๊กที่ ตรวจยืนยัน เลือกไฟล์ แล้วกดส่ง

การสมัครแข่งเทรด ให้ไปกดที่การแข่งขัน แล้วกดเข้าร่วม ใส่ชื่อเล่น แล้วกดลงทะเบียน จะได้ ล็อกอิน กับ รหัสผ่าน มา ให้นำไป ล็อกอิน ที่โปรแกรม Meta Trader 4 เวลา 7.00 น. ของวันที่เริ่มแข่งขัน ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งตรงกับ 0.00 น. ตามเวลาของโบรกเกอร์

ไม่ง่ายเลยนะ กด New Order กด Sell/Buy มั่วๆ ไป เดี๋ยวก็เก่งเองแหละ พยายามเข้านะ สู้ๆ

ศึกษาข้อมูลได้ที่(กรณีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็อาศัย Google แปลภาษาเอาเน้อ)
http://www.babypips.com/school/

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“จอร์จ โซรอส” พ่อมดการเงินชื่อก้องโลก

จอร์จ โซรอส นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี มหาเศรษฐีอันดับที่ 35 ของโลก มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้ตามเว็ปไซด์ทั่วไปเน้อ...



วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

5 ขั้นในการเป็นนักเทรด


5 ขั้นในการเป็นนักเทรด
ขั้นเเรก - ไร้สติเเละไร้คุณสมบัติ
ขั้นนี้เป็นขั้นเเรกของนักเทรดทุกคนเมื่อคิดที่จะเริ่มเทรด ท่านรู้ว่าการเทรดเป็นการหาเงินที่ดีเพราะท่านได้ยินใครๆก็พูดถึงเรื่องของ นักเทรดที่เป็น millionaire เหมือนกับคุณเริ่มคิดที่จะขับรถ ทุกอย่างดูเหมือนง่าย มันไม่น่าจะยากอะไรขนาดนั้น เหมือนกับการเทรดราคามีเเค่ขึ้นกับลง มันจะมีความลับอะไรกันมากมาย ท่านเลยคิดว่าเทรดเลยดีกว่าไม่น่าจะยาก เเต่เช่นเดียวกับการขับรถ เมื่อท่านจับพวงมาลัยครั้งเเรก ท่านถึงได้รู้ว่าท่านไม่รู้อะไรเลย ท่านเปิดออเดอร์มากมาย เเละรับความเสี่ยงสูง พอท่านเปิดซื้อกราฟก็ตก พอท่านสั่งขายกราฟก็ขึ้น เป็นอยู่อย่างนี้ บางทีท่านอาจจะประสบความสำเร็จ นั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพราะในสมองของท่านจะคิดว่าการเทรดเป็นเรื่องง่าย เเล้วท่านก็จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้น เเละลงเงินมากขึ้นไปอีก ท่านพยายามที่จะเปลี่ยนการจากออเดร์ที่เสียด้วยการดับเบิ้ลเงินลงไปทุกครั้ง ในการเทรด บางครั้งท่านก็รอดมาได้เเต่ไม่บ่อยครั้งที่จะผ่านมาเเบบไม่เสีย ท่านยังไม่คิดว่าท่านไม่มีความสามารถในการเทรด ขั้นตอนนี้กินเวลาอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ ก่อนที่ท่านจะย้ายไปอีกขั้นนึง

ขั้นสอง - มีสติเเต่ขาดคุณสมบัติ
ขั้นทึ่ตอนสองคือท่านทราบ การเทรดนั้นต้องมีการวางเเผน เเละลงมือลงเเรง จิตใต้สำนึกท่านทราบว่าท่านเป็นนักเทรดที่ขาดคุณสมบัติท่านไม่มีทักษะหรือ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการทำกำไรในตลาดเงิน ท่านเริ่มที่จะหาซื้อระบบการเทรดและ e-book ท่านหาหนังสืออ่านตามเว็บไซต์ทุกที่ จากสหรัฐอเมริกา ถึงยูเครน ช่วงนี้ท่านเริ่มต้นค้นหาอินดี้หรือระบบศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ท่านจะย้ายจากระบบนึงไปอีกระบบนึง อินดี้นึงไปอินดี้นึง ท่านจะเปลี่ยนจากวิธีนี้วันวิธีนู้นอีกวัน และสัปดาห์โดยสัปดาห์ ไม่ใช่มันนานพอที่จะดูว่ามันใช้ได้หรือไม่ เวลาที่ท่านเจออินดี้ตัวใหม่ คุณจะมีความตื้นเต้น เเละคิดว่าอินดี้นี้ ละสุดยอดเเล้ว ท่านจะทดสอบระบบ อัตโนมัติใน Metatrader ท่านจะเล่นกับmoving average, Fibonacci, support และ resistant, Pivots, Fractals, DMI, ADX และอื่นๆ อีกร้อยเเปดในความหวังว่ามันจะเป็นระบบมหัศจรรย์ของท่าน ท่านจะเป็นคนเลือกบนเเละล่างพยายามหาจุดกลับตัวของกราฟและท่านจะพบตัวว่าเอง ไล่กวดเทรดที่เสีย และยังเพิ่มเงินลงไปเพราะคุณมั่นใจว่าท่านถูก ท่านจะไปอยู่ในเเชทรูม และเห็นว่าคนอื่นๆทำกำไรเเต่ทำไมไม่ใช่ท่าน ท่านมีปัญหาที่ต้องการคำตอบล้านเเปด บางคำถามเมื่อตัวท่านเองย้อนกลับไปดูตัวท่านเอง ยังรู้สึกว่าเป็นคำถามที่งี่เง่า แล้วท่านจะถึงจุดที่ท่านคิดว่าคนที่ออกมาบอกว่าได้กำไรทั้งหมดโกหก พวกเขาไม่น่าจะทำกำไรได้เพราะท่านก็ได้ศึกษาการเทรดมาเเต่ได้เเต่ขาดทุน ท่านก็รู้เท่าเท่ากับที่พวกเขารู้ พวกเขาต้องโกหกเเน่เเน่. เเต่พวกเขาอยู่ในตลาดเทรดทุกวัน และบัญชีของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ของท่านลดลงเรื่อยๆ ท่านจะกลับไปเป็นเเบบวัยรุ่นอีกครั้งนึง

นักเทรดที่มีประสบการเเละสำเร็จให้คำอธิบายบอกเหตุผลบอกวิธีเเบบฟรีๆเเต่ท่านก็ยังดื้อรั้นคิดว่าตัวเองถูกเเละท่านรู้ดีที่สุด ท่านก็ยังดั้นด้นเทรดทั้งที่ทุกคนรอบรอบข้างบอกว่าคุณบ้าไปเเล้ว เเต่ท่านคิด ว่าท่านรู้ดีกว่า เมื่อท่านจะคิดได้เเล้วจะพยายามเทรดตามคนอื่นเเต่ก็ไม่สำเร็จ.ท่านพยายาม จ่ายค่าสัญญาณจากคนอื่น.ท่านก็จะจ่ายเงินให้กูรูคอยบอกเเละสอนไม่ว่ากูรูจะดีหรือไม่ดียังไงท่านก็ยังไม่สำเร็จเพราะท่านยังคิดว่าท่านรู้ดีที่สุด

ขั้นนี้อาจจะนานตราบเท่านาน  - ในความเป็นจริงเเห่งโลกของความเป็นจริง เเละหลังจากที่พูดคุยกับนักเทรดคนอื่นๆ เเละจากประสบการขั้นนี้อาจจะนานเป็นปีถึงสามปี นี้เป็นขั้นที่นักเทรดถอนตัวถอดใจในการเทรด ประมาณ 60% ของนักเทรดใหม่ถอดใจใน 3 เดือนเเรก – พวกเขาถอดใจเป็นสิ่งที่ดี - ลองคิดดู - ถ้าการเทรดเป็นเรื่องง่ายทุกคนก็รวยกันหมดเเล้วอีก 20% ให้เวลาอีกหนึ่งปีแล้วความหมดหวังในการเสี่ยงจะทำให้บัญชีพวกเขาหมดไปอย่าง เเน่นอน

สิ่งที่ท่านอาจจะแปลกใจก็คือที่เหลืออีก 20% พวกเขาผ่านได้ประมาณ 3 ปี และเขาก็จะคิดว่าพวกเขาจะปลอดภัยแต่แม้จะผ่าน 3 ปีเเต่เเค่อีกเพียง 5-10% จะทำกำไรได้สมำเสมอ ตัวเลขอันนี้ ไม่ได้เกิดมาได้จากอากาศไม่ได้โมเมขึ้นมา หลังจากที่คุณผ่านสามปีได้อย่าพึ่งวางใจ.มีคนเคยเถียงเรื่องเวลาหลายคนทุก ทุกคนไม่เคยรอดเกินสามปี.ถ้าท่านคิดว่าท่านรู้ดีลองถามตามบอดร์ดู ว่าใครเทรดมาห้าปีเเล้ว สามารถที่จะเทรดเต็มความสามารถ 100% บางทีอาจจะมีบางคนเป็นข้อยกเว้น เเต่ที่ผ่านมาไม่เคยเจอเองสักคน ท่านจะค่อยๆ ออกมาจากขั้นนี้ ท่านลงทุนลงเเรงกับมันไปมากกว่าที่ท่านคาดคิด ท่านหมดเงินไปจากบัญชีเป็นสิบครั้งและคิดจะเลิกตั้งหลายครั้งเเต่ท่านไม่เลิกเ พราะมันอยู่ในสายเลือดไปเเล้ว วันนึงในเสี้ยววินาทีท่านก็จะเข้าขั้นที่สาม

ขั้นที่สาม – Eureka
ช่วงสุดท้ายของขั้นที่สองท่านเริ่มคิดได้ว่ามันไม่ใช่ที่ระบบที่ทำให้เกิดความเเตกต่าง ท่านเริ่มที่จะคิดได้ว่าท่านสามารถทำเงินได้กับเเค่ simple moving average เเละไม่มีอย่างอื่น หากเเต่ว่าความคิดของท่าน และการจัดการเงินของท่านเป็นไปอย่างถูกต้อง ท่านเริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาในการเทรด เเละเข้าใจในตัวคาเเรกเตร์ในหนังสือทำให้เกิดความกระจ่าง การกระจ่างนี้เกิดจากสมองของท่านประติดประต่อได้ว่าไม่ว่าใคร ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรได้อย่างเเม่นยำในเวลาข้างหน้า ไม่ว่าจะสิบวินาทีหรืออีกยี่สิบนาที ท่านจะเลิกสนใจความคิดของคนอื่น ท่านเริ่มที่จะสร้างระบบของท่านเองเพียงระบบเดียว เเละมีความสุขกับระบบของท่าน เเละท่านเป็นคนกำหนดกะเกณฑ์ความเสี่ยงของตัวเอง  ท่านจะเริ่มเทรดเมื่อท่านเห็นว่าท่านมีโอกาสที่จะทำกำไร เเละเมื่อเสีย ท่านก็ไม่โกรธตัวท่านเอง เพราะท่านรู้ว่าอยู่ในหัวของท่านว่าท่านไม่อาจคาดเดาตลาดได้เเละมันไม่ใช่ ความผิดของท่าน เมื่อท่านเทรดเเล้ว เเล้วรู้ว่าเสีย ท่านปิดออเดอร์ เทรดอันต่อไปเเละต่อไป ท่านรู้ว่ามีเปอรเซ็นต์สำเร็จ เพราะท่านรู้ว่าระบบของท่านสามารถทำกำไรได้ ท่านเลิกที่จะมองเเค่การเทรดเเค่มุมมองของเทรดออเดอร์เดียว  ท่านเปลี่ยนมุมมองของท่านเป็นอาทิตย์ เเละคิดว่าเทรดผิดครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าระบบของท่านใช่ไม่ได้ ท่านจับไดว่าการเทรดขึ้นอยู่กับสิ่งเดียวคือความสมำเสมอเเละการมีวินัย ท่านเรียนรู้เรื่องการจัดการเงิน เเละความเสี่ยงทุกอย่างเริ่มซึมซับ ท่านมองย้อนกลับไปถึงนักเทรดที่ให้ความรู้กับท่าน เเต่ก่อนด้วยความยิ้มเเย้มว่าตอนนั้นท่านยังไม่พร้อมเเต่ตอนนี้พร้อมเเล้ว

ขั้นสี่ - มีสติเเละความสามารถ
ท่าน ทำการเทรดเมื่อระบบของท่านบอก ท่านทำใจยอมรับการเสียได้เหมือนกับท่านได้กำไรจากการเทรด ตอนนี้ท่านปล่อยให้ออเดอร์ที่ทำกำไรทำกำไรถึงที่สุด โดยยอมรับความเสี่ยง เเละรู้ว่าระบบของท่านทำกำไรได้มากกว่าที่เสียไป.เเละเมื่อท่านอยู่ฝั่งที่เสีย ท่านปิดออเดอร์โดยเจ็บปวดเล็กน้อยใน Account ของท่าน ตอนนี้ท่นถึงจุดที่ท่านเสมอตัวซะส่วนมาก ทุกทุกวันจะมีบางอาทิตย์ที่ท่านได้100 pips เเละสัปดาห์ที่เสีย100 pips เเต่ท่านก็เสมอตัวไม่ขาดทุน ตอนนี้ท่านรู้ว่าท่านเป็นคนตัดสินใจในการเทรด เเละเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องตามระบบของท่านไม่ว่าได้หรือเสีย.ท่านได้รับการยอมรับจากนักเทรดคนอื่นๆ ท่านยังต้องขัดเกลาเเละเช็คการเทรดของท่านอย่างสมำเสมอ ท่านเริ่มที่จะทำเงินได้มากกว่าเสีย  ท่านจะเริ่มวันด้วยการได้กำไร 20 pips เเละก็ เสีย 35 pips เเต่ท่านไม่รู้สึกอะไร เพราะท่านรู้ว่าเสียไปเเล้วมันก็จะกลับมาหาท่านอีก ท่านเริ่มที่จะทำกำไรสัปดาห์ต่อสัปดาห์ 20 pipsสัปดาห์นี้ 50 pips สัปดาร์หน้า  ขั้นนี้จะประมาณหกเดือน

ขั้นห้า – ไร้สติเเต่มีความสามารถ
ขั้น นี้เหมือนเราขับรถ ทุกวันเราขึ้นรถขับออกไปปโดยสัณชาตญาณ เหมือนกับเราเทรด ท่านเทรดโดยสัญชาตญาณ เทรดเเบบ autopilot ท่านไม่ตื่นเต้นไม่ว่าจะทำได้ 200 pips หรือ 1 pip ท่านเห็นเด็กใหม่ในฟอรั่ม เเล้วย้อนคิดไปถึงท่านในอดีตหลายปีมาเเล้ว นี้คือสวรรค์ของการเทรด – ท่านได้บรรลุโดยการเทรดเเบบไม่ใช่อารมณ์ เเละความรู้สึกมาร่วม Account ของท่านเติบโตขึ้น ท่านเป็นที่รู้จักของนักเทรดทุกคนคอยฟังความเห็นของท่าน เเต่ท่านรู้ว่าบางคนก็ไม่ทำตามเหมือนท่านสมัยก่อน การเทรดเริ่มน่าเบื่อเพราะพอท่านทำอะไรได้ดีหรือเก่งท่านก็จะเริ่มเบื่อ ไม่มีอะไรมาทำให้ท่านได้รู้สึกเเข่งขัน ท่านเริ่มหายจากห้องสนทนา เเละหาเพื่อนคุยกันรู้เรื่องโดยที่ไม่ผันตามความคิดของท่าน ท่านไม่ได้เปลี่ยนเเปลงระบบ เเต่พัฒนาระบบให้ดีขึ้น ตอนนี้ท่านมีสัญชาตญาณในการเทรด ท่านสามารถเรียกตัวเองได้เต็มปากว่า “forex trader” เเต่ท่านไม่รู้สึกอะไร คิดเเค่มันก็เเค่เป็นอาชีพอาชีพนึง

โปรดจำไว้ว่าเเค่ห้าเปอรเซ็นของนักเทรดที่สามารถถึงจุดนี้ได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความฉลาด หรือความสามารถ เเต่ขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดของตัวเอง เเละความหัวเเข็งของท่านได้ไหม เมื่อเวลาที่ท่านได้รับความคิด เเละความรู้ใหม่ๆ ก่อนที่ท่านจะถอดใจ ลองคิดดูว่าท่านจะยอมใช้เวลาไปโรงเรียนกี่ปี ถ้าท่านรู้ว่าตอนจบมามีงานที่ทำเงินได้ล้านนึงต่อปีรออยู่

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง


Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง

คุณกำลังเข้าซื้อที่ราคานี้....แล้วใครขายให้คุณ

ตลาด forex เป็นตลาด zero sum หมายความว่าเมื่อรวมผลลัพท์ของผู้ที่ได้กำไรและผู้ที่ขาดทุน ก็จะได้เป็น 0 หรือให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อมีคนนึงได้ ย่อมมีอีกคนนึงเสีย และเมื่อเราเสียจะมีอีกคนนึงที่ยิ้มรับกำไรที่ได้จากเราไป

มาดู "ผู้เล่น" และบทบาทต่างๆดีกว่า
1. Market Maker ก็คือผู้จัดการตลาด เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับ forex แล้ว ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น MM ก็น่าจะเป็น Big Bank ที่ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินสกุลนั้นๆ อีกทั้งเป็นผู้ที่ตั้งอัตราและเปลี่ยน เพราะว่า MM นั้นสามารถมองเห็นปริมาณ Order ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ เช่น เมื่อ MM เห็น order ฝั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่มี order ฝั่งขายน้อย MM ก็จะขยับราคาขึ้นเพื่อยับยั้งผู้ซื้อรายใหม่ และจูงใจให้เกิดการขาย

2. Smart Money พวกนี้คือกองทุนสถาบันการเงิน และธนาคาร ที่เข้ามาแสวงหากำไร พวกนี้มีเงินถุงเงินถัง และต้องการกำไรที่มั่นคง เค้าจะกระจายความเสี่ยงตามหลักการลงทุน ทั้งเล่นสั้นทั้งเล่นยาว เนื่องจากมีเงินจำนวนมาก ทำให้ SM สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

3. Mass คือนักลงทุนรายย่อย หรืออีกชื่อหนึ่งคือ แมงเม่านั่นเอง กลุ่มนี้มีเป็นจำนวนมาก เข้ามาในตลาดเพื่อหวังได้กำไร แต่มักขาดทุนตลอด ดูใกล้ๆ ตัวก็ได้ กี่คนที่เข้ามาในตลาดแล้วมีแต่เสียกับเสีย

แล้วทำไม mass ถึงเสียตลอด และทำไม sm ถึงได้เสมอ ต้องมาดูกระบวนการทำงานของ sm กัน

sm จะทำอยู่ 4 อย่าง
1. Accumulation
2. Markup
3. Distribution
4. Mark Down

Accumulation
เมื่อ sm ดูราคาแล้วคิดว่าเหมาะสมที่จะเริ่มซื้อ (ตลาดมักเป็นขาลงอยู่) และคิดเปลี่ยนทิศทางของตลาด ในขณะนั้นมักจะมี supply เป็นจำนวนมาก และราคาถูก เพราะ mass เทขายออกมาเป็นจำนวนมาก และยังคิดจะขายอีก เหมือนกับเมื่อเราเห็นแท่งดำๆวิ่งลงยาวๆ เราจะอยู่ไม่สุข อยากเข้า อยากชอต ไม่อยากตกรถ ยิ่งเห็นมันทำท่าจะ ลงอีก ก็ทนไม่ไหว sm ก็ได้โอกาสซื้อ ล่อให้massจำนวนมากที่สุด เปิด short order ให้มากที่สุด จับคู่กับ  long order ของ sm โดยจะแสดงให้เห็นในรูปของ sideway โดยหากดูที่ time frame ใหญ่ขึ้น อาจจะเห็นเป็น แท่งสั้นๆ หรือโดจิ ที่มี volume สูงมาก  จากนั้นsm ก็ยกราคาขึ้นเล็กน้อยด้วยการ buy lot ใหญ่ๆ เพื่อ  lock แมงเม่าผู้โชคร้าย กลุ่มนี้เอาไว้ โดยใช้จิตวิทยาว่า ไม่มีใครอยากปิด position ตอนมันแดงๆ ขาดทุนหรอก แล้วก็ทำการกวาด  supply ที่เหลือในตลาดให้หมด ใน forex supply ก็คือ short order นั่นแหละ เมื่อตลาดเห็นความผิดปกติ เช่น เห็นเป็นโดจิขายาว (เนื่องจาก sm ดึงราคาขึ้นเพื่อ lock) ที่  time frame ใหญ่ ก็ไม่มีใครคิดจะเปิด short อีก  พูดง่ายๆ supply หมดตลาดแล้ว

บ้านเราบางช่วงที่มะนาว ขาดตลาด ราคามันขึ้นไปได้อย่างน่าตกใจ ตลาด forex ก็เช่นกัน ยิ่งเป็นตลาดที่ demand/supply เกิดจากความรู้สึก ไม่ได้เกิดจากสินค้าจริงยิ่งหมดง่าย นี่คือเป้าหมายของการ Accumulation ก่อนปล่อยราคาขึ้น sm มักมี trick เด็ดอีกอันนึง คือเปิด short order ใหญ่ทีเดียว เพื่อให้ราคาวิ่งลง จนดูเหมือนว่ามันจะ break out ลงข้างล่าง เพื่อล่อลวงแมงเม่าให้เข้ามาเปิด short ให้มากที่สุด แล้ว sm ก็  buy สวน ให้ราคากลับมาในอยู่ใน zone เดิม  lock แมงเม่าผู้น่าสงสารไว้ หลังจากนั้น ไม่ว่าใครก็น่าจะมองออกแล้วว่าราคามันไม่ลงไปแล้ว ก็จะเกิด demand ขึ้นในใจของ mass ในขณะที่ไม่มี supply ในตลาด คงไม่ต้องบอกว่าเหตุการณ์ต่อไปเกิดอะไรขึ้น

MarkUp
ถึงตอน นี้ sm นั่งเฉยๆ ดูราคาวิ่งขึ้น เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประดับหนึ่ง ก็จะมี mass บางส่วน ปล่อยของทำกำไร ทำให้ราคาตกกลับมา แต่sm จะต้องรักษาเทรนด์เอาไว้เพื่อให้ราคาวิ่งขึ้นต่อจนถึงจุดที่น่าพอใจ แต่ต้องการใช้เงินน้อยที่สุดเค้าจึงทำเพียงแค่หยุดราคาที่ตกเอาใว้ โดยจุดที่เค้ายอมให้มันลงต่ำสุด จนต้องเข้าแทรกคือจุดบนสุดของ accumulation zone แต่หลายครั้งที่ sm ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ mass เป็นผู้ดันราคากันขึ้นไปเองด้วยtrend lineบ้าง ด้วยfiboบ้าง ทำให้ sm ได้กำไรแบบเนื้อๆ แค่นั่งดูเฉยๆ

Distribution
เมื่อราคา ถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว sm ก็จะทำการหลอกล่อให้ mass เชื่อว่าราคามันจะวิ่งขึ้นต่อ เช่นการทำ new high ราคาวิ่งทะลุเส้นแนวต้าน เพื่อให้ mass เชื่อว่าราคาจะขึ้น แล้วเปิด long order โดยจับคู่กับการขายของsm (ปิด long position) ถ้าราคาวิ่งลงมา sm ก็จะดันราคากลับไปใหม่อีก ทำให้เราเห็น pattern จำพวก double top, tripple top, head and shoulder จนเมื่อใกล้หมดก็ปล่อยของทีเดียวหมด ฟาดกำไรจนอิ่ม supply ล้นตลาด ในขณะที่ราคายังสูงอยู่ คงไม่ต้องบอกว่าราคาจะวิ่งลงเร็วขนาดไหน เมื่อมีการขาย (ปิด long position) lot ใหญ่ และยิ่งวิ่งลงเร็วขึ้นเมื่อ mass เกิด panic

MarkDown
เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดที่ sm มั่นใจว่าจะปั่น demand ได้อีกครั้งก็จะทำการ mark ช่วงราคาที่จะเริ่มทำ accumulation อีกครั้ง

แล้ว mass ล่ะ mass สามารถเป็นผู้ผลักดันให้เกิดเทรนด์ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ นั่นคือช่วงข่าวแรงๆ
แต่ หากมองในมุมของ sm แล้ว ถ้าข่าววิ่งทิศเดียวกับ sm sm ก็ยิ่งได้กำไร ถ้าวิ่งทิศตรงข้าม จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ sm สามารถเปิด order เพื่อจับคู่กับ mass ทีเดียวเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยที่ mass ไม่รู้ตัวเลย

จากกระบวนการทั้งหมดจะพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขายจับคู่กับ sm ซื้อ หรือเราซื้อจับคู่กับ sm ขาย เราจะมีโอกาสขาดทุนสูงเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เรา buy ที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ขายให้เราที่ราคานี้ และเมื่อใดก็ตามที่เราขายที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ซื้อของเราไปที่ราคานี้ ตามระบบการจับคู่ ก่อนเปิด order ให้หยุดนิดนึง แล้วดูว่าใครกันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเรา

หมายเหตุ
  - sm ไม่ได้จะสำเร็จทุกครั้งหรอก แต่เมื่อเค้าเสียเค้าก็เสียให้ในกลุ่ม sm กันเองนั่นแหละ แล้วแต่ว่าจังหวะนั้นใครใหญ่กว่า
  - ครั้งหน้าจะเอาความเข้าใจตรงนี้มาหาทิศทางของราคา และเริ่มการวางเทรนด์ไลน์
  - แล้วเดี๋ยวจะต่อยอดด้วย price pattern ง่ายๆ ที่อยู่บนความเข้าใจในเรื่องนี้

10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี

10 ความต่างสร้างมหาเศรษฐี

ความต่างข้อที่ 10 
มหาเศรษฐีคิดไกล คนชั้นกลางคิดใกล้

ความต่างข้อที่ 9 
มหาเศรษฐีพูดถึงความคิดริเริ่มใหม่ๆ คนชั้นกลางพูดแต่เรื่องอื่นและคนอื่น

ความต่างข้อที่ 8 
มหาเศรษฐีอ้าแขนรับความเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางถูกความเปลี่ยนแปลงคุกคาม

ความต่างข้อที่ 7
มหาเศรษฐีเสี่ยงหลังจากคิดคำนวณ คนชั้นกลางกลัวเสี่ยง

ความต่างข้อที่ 6 
คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนนั้นจบที่สถานศึกษา แต่มหาเศรษฐีเรียนรู้และเติบโตไม่หยุดยั้ง

ความต่างข้อที่ 5 
มหาเศรษฐีทำงานมุ่งหวังผลกำไร คนชั้นกลางตั้งใจทำงานเพื่อค่าแรง

ความต่างข้อที่ 4 
มหาเศรษฐีเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนใจกว้าง คนชั้นกลางเชื่อว่าเขามีไม่พอเผื่อแผ่

ความต่างข้อที่ 3
มหาเศรษฐีมีแหล่งรายได้หลายทาง คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสอง

ความต่างข้อที่ 2
มหาเศรษฐีมุ่งเพิ่มมูลค่าสุทธิ คนชั้นกลางคิดแต่ขึ้นเงินเดือน

ความต่างข้อที่ 1
มหาเศรษฐีตั้งคำถามที่สร้างพลังใจให้ตัวเอง คนชั้นกลางตั้งคำถามที่บั่นทอนพลังใจตัวเอง